เมื่องานศิลปะเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานแฟชั่น ที่ทำให้ภาพแห่งความฝันนั้นกลายเป็นความจริง กับคอลเล็กชั่นเก๋ๆ ในการผสมผสานระหว่างงานศิลปะและแฟชั่นเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งในปัจจุบันนี้แฟชั่นสไตล์ศิลปะนั้น ก็ได้มีหลากหลายแบบให้เพื่อนๆ ได้หยิบจับมาแต่งกันอย่างมากมาย
“ในยุคที่เทคโนโลยีการสื่อสารก้าวล้ำนำหน้าอย่างในปัจจุบัน ข้อมูลข่าวสารของทั่วโลกสามารถรับรู้ได้ทั่วถึงกันหมด แต่เป็นไปไม่ได้ที่ชาวยุโรปซึ่งเห็นแฟชั่นของไทยจะหันมาเอาอย่างคนไทย มีแต่คนไทยที่ยิ่งอาศัยเทคโนโลยีในการรับอิทธิพลทางวัฒนธรรมและลอกเลียนแฟชั่นจากตะวันตก ตอนนี้อาจเห็นว่าคนทั้งโลกแต่งตัวคล้ายๆกัน คนอเมริกันก็แต่งตัวเหมือนๆกับคนไทย แต่คนไทยกลับเป็นฝ่ายลอกเลียน ชอบเอาอย่างต่างชาติ เกิดลัทธิเอาอย่างขึ้นในบ้านเรา
“สำหรับค่านิยมในการบริโภคสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมนั้น ถือว่าเป็นดาบสองคม ด้านดีคือมันก่อให้เกิดความตื่นตัวในวงการแฟชั่นขึ้น เกิดความคิดสร้างสรรค์ในการปรับปรุงของเราให้ทันสมัยทัดเทียมคนอื่น แต่ด้านร้ายคือมันก็ก่อให้เกิดการแบ่งชนชั้นทางสังคม เกิดการแบ่งแยกระหว่างคนรวยกับคนจน มีการแข่งขันทางชนชั้น คนจนก็พยายามหาสินค้าแบรนด์เนมของแท้ราคาแพงมาใช้เพื่อยกระดับตัวเอง ถือเป็นการดูถูกชนชั้นของตน ส่วนคนที่ใช้ของปลอมก็ได้รับการดูถูกหนักยิ่งขึ้น เพราะดูถูกความเป็นตัวของตัวเอง
“การที่คนเราจะสามารถสร้างแนวทางแฟชั่นของเราเองขึ้นมา โดยการคิดผสมผสานให้เหมาะสมกับตัวเองนั้น น่าจะทำให้เรากลายเป็นผู้นำแฟชั่นแนวใหม่ ซึ่งจะน่าชื่นชมกว่าการลอกเลียนแบบ “แฟชั่นชั้นสูงเป็นงานศิลปะที่มีความเป็นตัวเองสูง การเปลี่ยนแปลงของแฟชั่นชั้นสูงจะเป็นอิสระจากสภาวะโดยรอบ เช่น ปัญหาเศรษฐกิจหรือสังคม เนื่องจากเป็นเรื่องของคนชั้นสูงซึ่งมีฐานะดีที่จะไม่ได้รับผลกระทบ แฟชั่นชั้นสูงจึงอาจไม่สะท้อนความเป็นจริงของโลกมากนัก แต่สำหรับแฟชั่นระดับกลางหรือระดับล่าง ผู้บริโภคเป็นชนชั้นกลาง หากมีความเปลี่ยนแปลงในทางสังคมหรือเศรษฐกิจ เช่น น้ำมันแพง สินค้าแพง ผู้คนจะปรับพฤติกรรมการบริโภคจับจ่ายสินค้า ทิศทางของแฟชั่นระดับกลางหรือล่างก็จะผันแปรตาม สะท้อนถึงสภาวะที่เกิดขึ้น